

จังหวัดภูเก็ต เมืองเล็กแต่เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน จากเรือนเก่าสไตล์ชิโน–โปรตุกีส ไปจนถึงรสชาติอาหารที่ผสมผสานความเป็นจีน มลายู และไทย สะท้อนว่า “ภูเก็ตคือเมืองแห่งพหุวัฒนธรรม” อย่างแท้จริง
และจากฐานทุนวัฒนธรรมอันเข้มแข็งนี้เอง โรงเรียนบ้านกู้กู จังหวัดภูเก็ต ได้ต่อยอดความหลากหลายให้กลายเป็น “พื้นที่เรียนรู้” ผ่านแนวคิด โครงงานฐานชุมชน ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ เรียนรู้จากสิ่งรอบตัวจากผู้คน สถานที่ และวิถีชีวิตในบ้านเกิดของตนเอง
เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากบริบทจริงรอบตัว โดยเฉพาะการพัฒนา VASK ที่เป็นกรอบแนวคิดในการประเมินและพัฒนาผู้เรียน 4 ด้าน ได้แก่ คุณค่า (Value) เจตคติ (Attitude) ทักษะ (Skill) และความรู้ (Knowledge) ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนรู้จักเห็นคุณค่า ยอมรับความหลากหลาย และสะท้อนออกมาเป็นสมรรถนะของ “เด็กตงห่อ” จากคำในภาษาจีน หมายถึง เด็กที่เป็นคนดีรอบด้าน ที่มีความเก่ง ความดี และความสุข
ครูและนักเรียนเริ่มต้นด้วยการพูดคุย สำรวจความสนใจของเด็กๆ ชั้น ป.4–ป.6 ผ่านกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) เพื่อสำรวจว่า “เด็ก ๆ อยากเรียนรู้อะไรจากภูเก็ตของพวกเขา คำตอบหลากหลายที่ดังขึ้นในห้องเรียน มีทั้งเรื่อง “เสื้อผ้าบาบ๋า–ย่าหยา” และ “อาหารพื้นถิ่น” แต่สุดท้าย เสียงส่วนใหญ่กลับโหวตให้กับเมนูพื้นเมืองที่ชื่อว่า “ฮูแช้”
ฮูแช้ คือสลัดผักสไตล์ภูเก็ตที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน มีผักสดหลากชนิดราดด้วยน้ำรสเปรี้ยวหวานเค็มในจานเดียว นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่คือวัฒนธรรมที่เรียนรู้ได้

เพื่อให้การเรียนรู้ไม่หยุดแค่การรู้จักอาหารท้องถิ่น ครูได้ชวนเด็กๆ ใช้เทคนิคการตั้งคำถามแบบ SCAMPER ซึ่งเป็นเทคนิคคิดสร้างสรรค์ ที่ช่วยต่อยอดไอเดียจากสิ่งเดิมให้เกิดสิ่งใหม่
SCAMPER คืออะไร? คำตอบคือ เทคนิคการตั้งคำถาม 7 รูปแบบเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เริ่มจาก S – Substitute แทนที่ได้ไหม?, C – Combine รวมกับอะไรได้อีก?, A – Adapt ปรับให้เหมาะกับบริบทใหม่ได้ไหม?, M – Modify เปลี่ยนแปลงหรือขยายให้ดีขึ้นได้ไหม?, P – Put to another use นำไปใช้อย่างอื่นได้ไหม?, E – Eliminate ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้ไหม? และคำถามสุดท้ายคือ R – Reverse/Rearrange สลับลำดับหรือกลับด้านดูได้ไหม?

เมื่อครูโยนคำถามตามหลัก SCAMPER ออกไป เด็กๆ จึงคิดต่อยอดจากฐานทุนเดิมของท้องถิ่น ทั้งวัตถุดิบ อาหาร และวิถีชีวิต มาผสมกับแนวคิดใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับยุคสมัย เด็กๆ ได้ร่วมกันวิเคราะห์ว่า “สลัดผักแบบดั้งเดิมของภูเก็ต” มักมีวัตถุดิบที่เสียง่ายในอากาศร้อน เช่น ผักบุ้ง มันแกว หรือถั่วงอก จึงทดลองปรับวัตถุดิบให้เหมาะกับสภาพอากาศปัจจุบัน และตอบโจทย์นักท่องเที่ยวมากขึ้น
พวกเขาคิดต่อยอดเป็นเมนูใหม่ในรูปแบบ “ฮูแช้วีแกนสลัด” หรือสลัดฟิวชันที่ยังคงรสชาติและจิตวิญญาณของอาหารพื้นเมือง แต่เพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบให้มีความเป็นสากลและเหมาะกับตลาดยุคใหม่ ในกระบวนการเรียนรู้นี้ ครูไม่ได้เป็นเพียงผู้สอน แต่เป็น “โค้ช” ที่คอยชี้แนะ สนับสนุน และเปิดพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้ลองผิดลองถูก ได้คิด ได้ลงมือทำจริง และสะท้อนผลลัพธ์ด้วยตนเอง
“เป้าหมายของเราคือพัฒนาให้ผู้เรียนเป็น Lifelong Learner ผู้ที่พร้อมเรียนรู้ตลอดชีวิต”
ทิพย์วิมล เพ็ชรฉุย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกู้กู ที่ผลักดันโครงการนี้ในโรงเรียน ระบุว่า “การเรียนรู้ที่ดี คือการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น” เด็กจะต้องสามารถเรียนรู้ ปรับตัว และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้ เพราะภูเก็ตเองก็เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายถิ่นฐาน นักเรียนในโรงเรียนเองก็ต่างถิ่นฐาน ต่างวัฒนธรรม แต่สิ่งสำคัญคือการเตรียมให้พวกเขามี สมรรถนะในการปรับตัวและคิดสร้างสรรค์ แม้จะเผชิญกับความผิดพลาดก็สามารถลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ

“ฮูแช้วีแกนสลัด” อาจเป็นเพียงหน่วยเล็กๆ ในหลักสูตร แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ “กระบวนการเรียนรู้ระหว่างทาง” ที่ทำให้เด็กๆ เติบโต มีทักษะชีวิต และมีภูมิคุ้มกันทางความคิด โรงเรียนบ้านกู้กูเชื่อว่า การศึกษาควรสร้าง “เด็กที่มี Growth Mindset” เด็กที่เรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ มองความผิดพลาดเป็นโอกาส และใช้วัฒนธรรมของบ้านเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
หมายเหตุ : เรียบเรียงโดย ภัทรภร เก่งสกุล Content Creator



