“ทุกวันนี้มันมีปัญหาอยู่หลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า ปัญหาการบูลลี่ หรือว่าเข้ากับเพื่อนไม่ได้ มันเกิดขึ้นในสังคมไทยในช่วงระดับวัยรุ่น ครูต้องเริ่มแก้ปัญหาจากจุดเล็กๆ เพื่อส่งผลต่อเป้าหมายในอนาคต ปัญหาเหล่านี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลย และจะเป็นการป้องกัน ถ้าเกิดว่าวันไหนเรารู้สึกไม่ปลอดภัย เรายังมี ‘เพื่อนใจ’ ที่สามารถแชร์ หรือแลกเปลี่ยนได้ เรายังมี ‘ครู’ ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของเรา พร้อมที่จะช่วยเหลือ และส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับเขา”
ดูเพิ่มเติม : เพื่อนเธอ เพื่อนใจ
จากแนวคิดที่ต้องการจัดตั้งระบบช่วยเหลือนักเรียน อัษฎาวุฒิ วงษ์คำจันทร์ “ครูบอม” โรงเรียนอนุบาลสระบุรี ต่อยอดเป็นกิจกรรม “เพื่อนเธอ เพื่อนใจ” เปิดพื้นที่เล็กๆ ให้เพื่อนกลายเป็นผู้รับฟังและเข้าใจกันอย่างแท้จริง เพราะบางที เด็กอาจไม่กล้าพูดกับพ่อแม่ หรือแม้แต่กับครู แต่เขากล้าที่จะเปิดใจกับ “เพื่อน” ที่อยู่ข้างๆ ทุกวัน
กิจกรรมเริ่มต้นจากการให้เด็กจับคู่กับเพื่อนที่สนิทที่สุด พูดคุยกันผ่านคำถามง่ายๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง เช่น สิ่งที่รักมากที่สุดคืออะไร สิ่งที่เสียใจที่สุดคืออะไร และอยากบอกเพื่อนคนนี้ว่าอะไร เป็นคำถามง่ายๆ แต่คำตอบที่ได้ จะช่วยทำให้เห็นความคิดและความรู้สึกที่ซ่อนอยู่
ในขณะที่เด็กๆ เขียนคำตอบลงบนกระดาษ จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาได้พูดคุย เล่าเรื่องราว และแลกเปลี่ยนความรู้สึกกับเพื่อนใจที่จับคู่ด้วยกัน เสียงหัวเราะ เสียงเล่าเรื่องราว ความเศร้า หรือความกังวลของเด็กๆ ถูกถ่ายทอดผ่านคำพูดและข้อความบนกระดาษอย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความหมาย
“กระดาษที่เด็กๆ เอามาส่งให้ ครูจะค่อยๆ อ่านอย่างตั้งใจ เพื่อสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหา หรือความรู้สึกที่เด็กอาจเก็บไว้ จากนั้นครูจะนำข้อมูลเหล่านี้ ใช้เป็นแนวทางช่วยเหลือ ดูแล และชี้แนะให้เด็กแต่ละคนได้อย่างตรงจุด ทำให้เด็กไม่เพียงได้ปลดปล่อยความคิดและความรู้สึก แต่ยังได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากเพื่อนและครู เป็นการสร้างห้องเรียนที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ความไว้วางใจ และความปลอดภัยทางใจอย่างแท้จริง”
ผลลัพธ์ของกิจกรรมนี้ ยังสะท้อนผ่านเสียงจากเพื่อนด้วยกัน เด็กๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรม บอกกับครูบอมว่า พวกเขาได้รู้ว่าเพื่อนรู้สึกยังไง ทำให้เข้าใจกันและคุยกันได้ดีขึ้น ได้รู้เรื่องราวของเพื่อนผ่านกระดาษ ผ่านข้อความที่เพื่อนเขียน
ไม่เพียงครูบอม ในฐานะครูที่ดูแลเด็กโดยตรง ได้เห็นคุณค่าของกิจกรรมนี้ แต่ยังรวมถึง พินิจ เสาวงศ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลสระบุรี ก็มองว่า กิจกรรมนี้ตอบโจทย์ เพราะเด็กได้ฝึกทั้งการพูด การฟัง และสมาธิ เรียนรู้มารยาททางสังคม ทั้งในฐานะผู้พูดและผู้ฟัง และยังได้เรียนรู้ที่จะให้กำลังใจเพื่อน และส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กัน
“กิจกรรมนี้ ทำให้ห้องเรียนไม่ใช่เพียงสถานที่เรียน แต่กลายเป็น “พื้นที่เชื่อมโยง” เพราะไม่ใช่แค่ให้เด็กทำแบบฝึกหัดหรือจับคู่เล่น แต่เป็นโอกาสให้เด็กเผชิญกับความรู้สึกของตัวเองและเพื่อน ได้ฝึกทักษะมารยาททางสังคม การฟัง การพูด การเข้าใจ และการเป็นผู้สนับสนุนซึ่งกันและกัน”
นอกจากนี้ ยังช่วยสร้าง “วัฒนธรรม” ในห้องเรียนที่ครู เด็ก และเพื่อนอยู่ร่วมกันด้วยความไว้วางใจ ผลลัพธ์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ช่วงเวลาทำกิจกรรม แต่สามารถต่อยอดไปสู่ชีวิตจริงในทุกบทบาทของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ศิษย์ที่ดีของครู และพลเมืองที่ดีของสังคม
เพื่อนเธอ เพื่อนใจ” จึงไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมในห้องเรียน แต่เป็น พื้นที่เล็กๆ ที่สร้างความเข้าใจใหญ่ๆ เป็นสะพานเชื่อมใจระหว่างเพื่อนกับเพื่อน ระหว่างเด็กกับครู และระหว่างโรงเรียนกับความสุขของเด็กๆ
เรียบเรียงโดย ภัทรภร เก่งสกุล Content Creator