

“ครูคะ เราเรียนคณิตศาสตร์ไปทำไม? หนูไปตลาด ไม่เคยต้องถอด Square root เลย”
ถ้าคุณเป็นครูคณิตศาสตร์ จะตอบคำถามนี้อย่างไร? เพราะก็เป็นความจริงที่ว่า สูตรคำนวณที่ถูกใช้เมื่อเราไปตลาด ก็มีแค่ บวก ลบ คูณ หาร แถมสมัยนี้ให้ AI ในโทรศัพท์มือถือคำนวณให้เสร็จ ไม่ต้องคิดเองให้ปวดหัว สูตรคำนวณยากๆ อย่างการถอด Square root เลยแทบไม่ถูกเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากในห้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์
เมื่อไม่เห็นความเชื่อมโยงในชีวิตประจำวัน อาจทำให้ความใส่ใจในการเรียนรู้จึงลดน้อยลง จนแทบจะกลายเป็น “ยาขม” ของเด็กไทยเมื่อถึงคาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และนับวันปรากฏการณ์ยาขมนี้ ก็ยิ่งส่งผลกระทบมากขึ้นต่อคุณภาพของเด็กไทย
ตัวอย่างล่าสุดที่สะท้อนปรากฏการณ์นี้คือ ผลการประเมิน PISA 2022 ในระดับนานาชาติ (โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล - Programme for International Student Assessment) พบว่า นักเรียนไทยมีคะแนนเฉลี่ยด้านคณิตศาสตร์ 394 คะแนน อยู่อันดับที่ 64 จาก 81 ประเทศ-พื้นที่ที่เข้าร่วม ที่สำคัญคือ ผลประเมินยังแสดงให้เห็นแนวโน้มคะแนนที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
แล้วจะแก้โจทย์นี้อย่างไร คำตอบนี้ไม่ได้สำคัญแค่เพื่อผลคะแนน PISA ที่ต้องดีขึ้นในอนาคต แต่สำคัญกว่านั้นคือ การยกระดับคุณภาพเด็กนักเรียนไทยให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ALTV ชวนอ่านมุมมองและข้อเสนอแนะจาก 2 ครูคณิตศาสตร์ "ครูของครู" ผศ.วันดี เกษมสุขพิพัฒน์ รองคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ คณะศึกษาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ และ "สุดารัตน์ พลแพงพา" ผู้อำนวยการโรงเรียนทุ่งมหาเมฆ กทม. ทำไมครูจึงไม่ควรสอนคณิตศาสตร์ แค่เพื่อให้เด็กได้คณิตศาสตร์? แล้วเป้าหมายของคณิตศาสตร์คืออะไร?
ชวนฟัง Learning Talk ซีรีส์ คณิตศาสตร์เด็กไทย เปลี่ยนยาขม เป็นยาบำรุงกำลัง
EP.1 คณิตศาสตร์เด็กไทย พังข้ามรุ่นหรือไม่?
EP.2 ห้องเรียนคณิต ครูมาเลเซีย
EP.3 พลิกโฉมครูคณิตใหม่ แก้ยาขมเด็กไทย
“มีครูหลายคนที่เข้าใจว่าเป้าหมายของการสอนคณิตศาสตร์คือ เด็กต้องหาคำตอบได้ เอาแค่นั้น แต่ไม่ได้มองว่า เป้าหมายจริงๆ ของการเรียนคณิตศาสตร์ คือ ความฉลาดรู้ รู้ว่าเรียนแล้วเอาไปใช้ยังไง ถ้าครูตั้งเป้าแค่ว่า ฉันจะสอนคณิตศาสตร์เพื่อให้เด็กได้คณิตศาสตร์ ปัญหาเราก็จะพบว่าเรียนแค่ ป.3 พอ แค่ไปตลาดได้”
แล้วเป้าหมายคณิตศาสตร์ คืออะไร? แต่ก่อนที่จะหาคำตอบนั้น ผศ.วันดี บอกว่า ต้องเริ่มจากเข้าใจ ธรรมชาติของคณิตศาสตร์ ก่อน คือ ความสามารถในการแก้โจทย์ที่ทั้งยากและซับซ้อน ทำยังไงให้มันง่าย ไม่ใช่แค่ความสามารถให้ท่องจำสูตร และท้ายที่สุดก็กลายเป็นยาขม เพราะต้องท่องจำสูตรคำนวณเยอะแยะมากมาย

“แต่ถ้าเราสอนคณิตศาสตร์ให้เด็กได้รู้จักการให้เหตุผล การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ คือการเอาคณิตศาสตร์มาใช้ในการทำความเข้าใจอะไรบางอย่าง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้ทุกวัน อย่างการแก้ปัญหา ไม่ว่าวัยไหนก็ต้องใช้เพื่อแก้โจทย์ชีวิตในแต่ละวัน เราต้องคิดอะไรบ้าง เงื่อนไขอะไรที่เกี่ยวข้อง อันนี้คือธรรมชาติ คือสิ่งที่เราต้องการหาคำตอบจากโจทย์”
ผศ.วันดี ย้ำด้วยว่า ต้องทำให้ คณิตศาสตร์ เป็นการเรียนรู้อย่างมีความหมาย คือทำให้เห็นว่า ความรู้เหล่านี้มันเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน และเราสามารถเอาความรู้เดิมมาต่อยอดสร้างความรู้ใหม่ได้ ให้ความรู้หนึ่งมีความหมายต่ออีกความรู้หนึ่ง ซึ่งการเรียนรู้แบบนี้จะช่วยให้สมองมีความทรงจำที่ยาวนานขึ้น แต่ถ้าแค่ให้ท่องจำ เดินออกนอกห้องเรียนก็ลืมแล้ว
“ถ้าเราสอนคณิตศาสตร์เพื่อคณิตศาสตร์ เราจะพบว่ามันไม่มีความหมาย ไม่ใช่สอนแบบยาผีบอก ไม่ใช่บอกว่าเธอต้องจำ นี่คือสูตร ลักษณะคณิตศาสตร์มันเป็นวิชาที่ธรรมชาติของมันเป็นวิชาที่ต้องให้เหตุผล เมื่อเราค้นพบข้อสรุปเหล่านั้น เราก็จะนำมันไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริง”
ห้องเรียนคณิตศาสตร์ ที่สนุกและมีความหมาย สามารถทำได้จริง และมีครูหลายคนก็ทำได้สำเร็จมาแล้ว หนึ่งในนั้นคือ ครูไซฟุลนิซาน เช อิสมาเอล ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี (PMCA) ปี พ.ศ.2566 จากประเทศมาเลเซีย

ชวนรู้จักครูไซฟุลนิซาน ในรายการ Cool Cru จารย์เจ๋ง ตอน ครูไซฟุลนิซาน : ห้องเรียนดิจิทัล นวัตกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์
จากการได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับครูไซฟูนิซาน สุดารัตน์ พลแพงพา ผอ.โรงเรียนทุ่งมหาเมฆ ทั้งในระหว่างครูไซฟูนิซาน เดินทางมาประเทศไทย รวมทั้งตัวอาจารย์สุดารัตน์เองได้เดินทางไปสังเกตการจัดการเรียนรู้ที่ห้องเรียนครูไซฟูนิซานที่ประเทศมาเลเซีย อาจารย์สุดารัตน์ยืนยันว่า นอกจากครูไซฟูนิซานจะมีความเชี่ยวชาญการใช้เทคนิคกระบวนการในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ การเป็นต้นแบบของครูผู้เสียสละ
“เป็นคนที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูสูงมาก เขาทำให้สิ่งเหล่านี้ด้วยความสนุกสนาน เขาทำสื่อประกอบการสอนเยอะมาก แถมบางครั้งก็ใช้เงินตัวเอง ตอนที่ไปดูห้องเรียนเขาที่มาเลเซีย บริเวณไหนของโรงเรียนที่ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน เขาใช้ทุกพื้นที่ต่อยอดคณิตศาสตร์ จัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทั้งหมด เป็นแหล่งเรียนรู้ที่อยู่รอบตัวรอบทุกบริเวณ”

เทคนิคการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ให้สนุก ที่ครูไซฟูนิซานแบ่งปันให้อาจารย์สุดารัตน์ เรียกว่า "SMILE Approach in Teaching & Learning" โดยเริ่มจาก “S – Stimulating” คือการเริ่มต้นบทเรียนด้วยสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนักเรียน เช่น เกม, โจทย์ปัญหาในชีวิตจริง, หรือวิดีโอสั้นๆ เช่น ใช้การ์ด AR สอนเรื่องพิกัด หรือใช้ "Guess Me Board" เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วม
“เหมือนการนำคณิตศาสตร์เข้ามาสู่ห้องเรียน ดึงความสนใจเด็กให้ได้ก่อน ซึ่งสังเกตว่าเวลาเขาจะสอนเรื่องอะไร เขาก็จะเอาเกม หรือบางทีก็เป็นหุ่นยนต์เข้ามาในห้องเรียน ซึ่งเด็กๆ แค่เห็นหุ่นยนต์ก็ตาเป็นประกายแล้ว”
ตัวต่อมาคือ M - Meaningful หรือการทำให้มีความหมาย คือสอนคณิตศาสตร์โดยเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เช่น ให้นักเรียนวัดความยาวรั้วใน "สวนคณิตศาสตร์" หรือแบ่งผลไม้เพื่อเรียนเรื่องเศษส่วน
ต่อมาคือ I – Inquiry based เน้นการตั้งคำถาม เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนสำรวจและหาคำตอบด้วยตนเอง แทนที่จะบอกคำตอบให้ เช่น ให้นักเรียนทำงานกับหุ่นยนต์เพื่อแก้โจทย์คณิตศาสตร์ หรือตั้งโจทย์ปัญหาด้วยตนเอง ให้เด็กเป็นผู้สร้างความรู้ เป็น Active Learning ก็คือการที่เราให้เด็กหาคำตอบ สมองเด็กได้ทำงาน สร้างความเชื่อมโยง สร้างข้อสรุปต่างๆ ด้วยตนเอง
ตัว L - Learning through Play หรือการเรียนรู้ผ่านการเล่น ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก เพราะถ้าสนุกแล้ว มันจะเกิดเป็นความทรงจำระยะยาว เป็นประสบการณ์ตรง เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่างในการที่ลงมือเล่นหรือเรียนรู้

และตัวสุดท้ายคือ E - Experiential หรือเน้นประสบการณ์ ให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่ลงมือทำ เช่น ให้นักเรียนใช้ฝาขวดเพื่อสร้างตัวเลข, สร้างแบบจำลอง 3 มิติ, หรือเขียนโค้ดเกม รวมถึงกิจกรรมที่เชื่อมโยงการคิดทางคณิตศาสตร์เข้ากับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การนำน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วไปทำสบู่
“ถ้าสมมุติว่าเราสามารถสอนคณิตศาสตร์ได้เหมือนครูไซฟู ไม่ได้บอกว่าต้องสอนให้เหมือนเค้า แต่สอนให้ เรียนรู้แบบคณิตศาสตร์ ตามธรรมชาติของคณิตศาสตร์ เด็กก็จะไม่ได้ว่ามองว่าคณิตศาสตร์คือยาขมที่ฉันต้องท่องจำ มีสูตรมากมาย มีภาษาต่างดาวเต็มไปหมด แต่จริงๆ แล้วธรรมชาติของคณิตศาสตร์คือเราจะทำมันให้มันง่ายยังไง แต่กลายเป็นว่าเรากลับทำมันให้ยาก กลายเป็นยาขมของเด็ก”

หมายเหตุ : เรียบเรียงจาก Learning Talk ซีรีส์ คณิตศาสตร์เด็กไทย เปลี่ยนยาขม เป็นยาบำรุงกำลัง



