เราเชื่อว่าหลายคนอาจเคยผ่านช่วงเวลาที่จำเป็นต้องไกลจากเพื่อนสนิท หรืออยู่ในจุดที่ชีวิตมีข้อจำกัดมากมายไม่ว่าจะเป็น ตารางชีวิตที่ไม่ตรงกัน ระยะทาง เวลา หรือความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น จนไม่สามารถทุ่มเทเวลาให้กับเพื่อนได้เหมือนเก่า
จากที่เคยนัดเจอกันบ่อยครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะมาเจอหน้ากันได้ หรือแม้แต่แชตที่เคยคึกคักก็เริ่มเงียบเหงาลงจนหลายคนคงอดสงสัยไม่ได้ว่า ด้วยระยะห่างนี้ จะทำให้มิตรภาพของเรากับเพื่อนสนิทจืดจางลงหรือเปล่า
จริงอยู่ว่าระยะทางที่ไกลกันทำให้เราเจอกันได้น้อยลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรักษามิตรภาพไว้ได้เลย
งานวิจัยของ เจสสิก้า เธอร์น สมิธ (Jessica Thern Smith) ที่ได้ตีพิมพ์ในเว็บไซต์ Tennessee Research and Creative Exchange (TRACE) ได้ทำการศึกษาว่าผู้คนให้นิยามและรักษามิตรภาพทางไกลไว้ได้อย่างไร โดยทำการทดสอบกับกลุ่มผู้หญิงจำนวน 34 คน พบว่า ผู้เข้าร่วมให้ความสำคัญกับ ความถี่ในการติดต่อสื่อสาร การติดต่อผ่านเทคโนโลยี และความมุ่งมั่นทุ่มเทของอีกฝ่าย มากกว่าระยะทางภูมิศาสตร์
งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า มิตรภาพทางไกลอาจไม่ได้ต่างจากมิตรภาพระยะใกล้มากนัก ทั้งยังมีแนวโน้มจะยืดหยุ่นและปรับตัวได้ง่ายกว่าอีกด้วย
เพราะฉะนั้น กุญแจสำคัญของการรักษามิตรภาพระยะไกลนั้นจึงไม่ได้อยู่ที่ระยะทาง แต่คือ การสื่อสารที่มีคุณภาพและสม่ำเสมอ การหาเวลาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ เป็นการแสดงออกว่า“เพื่อนยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” และช่วยรักษาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นได้ แม้ไม่ได้อยู่ใกล้กันก็ตาม
การพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอเป็นอีกวิธีที่ช่วยรักษามิตรภาพให้แน่นแฟ้นมากขึ้น และที่สำคัญกว่านั้น คือ ความเข้าใจว่าความถี่แค่ไหนจึงจะพอดีสำหรับเพื่อนแต่ละคน
เจริลีน อดัมส์ (Jerilyn Adams) นักบำบัดในสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร TIME ไว้ว่า การพูดคุยกันควรเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายสบายใจ ซึ่งนอกจากปริมาณของบทสนทนาแล้ว เราควรทำความเข้าใจว่า การสื่อสารบ่อยแค่ไหนที่ทำให้แต่ละฝ่ายรู้สึกสบายใจและได้รับการเติมเต็ม ซึ่งสามารถถามเพื่อนได้ตรง ๆ
เพื่อนบางคนอาจพอใจกับการพูดคุยกันเป็นครั้งคราว แต่อีกคนอาจต้องการความสม่ำเสมอมากกว่าเพื่อให้รู้สึกว่ายังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกอื่นที่ช่วยเชื่อมโยงความสัมพันธ์นอกเหนือจากการสื่อสารผ่านตัวอักษร เช่น การฝากข้อความเสียง การส่งมีม หรือคลิปตลก ๆ วิธีนี้ก็ช่วยรักษาความสัมพันธ์ได้ไม่แพ้คำว่า “สบายดีไหม”
งานวิจัยในปี 2018 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Social and Personal Relationships ระบุไว้ว่า การเป็นเพื่อนกับใครสักคนอาจต้องใช้เวลาปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน 80-100 ชั่วโมง และสำหรับเพื่อนสนิทอาจต้องใช้เวลาร่วมกันถึง 200 ชั่วโมง ยิ่งไปว่านั้น การใช้เวลาร่วมกันยังเป็นโอกาสให้เราและเพื่อนได้สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่น่าจดจำอีกด้วย
การใช้เวลาร่วมกันกับเพื่อนไม่จำเป็นต้องเป็นทริปใหญ่หรือกิจกรรมพิเศษเสมอไป แค่ได้นั่งคุยกันในคาเฟ นัดเจอกันที่บ้าน หรือเล่นเกมด้วยกัน ก็นับเป็นการสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นได้แล้ว
เมื่ออยู่ไกลกัน โอกาสที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกผ่านการเจอหน้า ก็ย่อมน้อยลง การส่งข้อความอวยพรในวันเกิด หรือวันสำคัญต่าง ๆ ของเพื่อนถือเป็นการกระทำเล็ก ๆ ที่แสดงออกถึงความรักและความใส่ใจ และช่วยกระชับมิตรภาพให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
ทั้งสองฝ่ายควรเข้าใจว่าถึงภาระหน้าที่และข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นของกันและกัน การตระหนักว่าเพื่อนมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน การงาน ครอบครัว จะช่วยให้เกิดความเข้าใจว่าการติดต่อที่น้อยลง ไม่ได้แปลว่าเพื่อนกำลังทอดทิ้งเราหรือเราสำคัญน้อยลงไป หากทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจตรงกัน ก็จะสามารถสร้างความมั่นใจให้กันและกันได้ว่ามิตรภาพจะยังคงอยู่ต่อไป
มิตรภาพทางไกล ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเราใส่ใจและหมั่นเชื่อมโยงกันไว้ เพียงใช้เคล็ดลับที่แนะนำ รับรองว่าเพื่อนหรือกลุ่มแก๊งของคุณจะยังอยู่ใกล้ใจเสมอ ไม่ว่าตัวจะห่างกันแค่ไหนก็ตาม😊