ALTV All Around
ALTV News
บทความอื่นจาก Thai PBS
ALTV All Around
ALTV News
บทความ Thai PBS
3 ยุคทองด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ในรัชกาลที่ 3
แชร์
ฟัง
ชอบ
3 ยุคทองด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ในรัชกาลที่ 3
31 มี.ค. 66 • 12.00 น. | 10,527 Views
ขนาดอักษร : กลาง
ALTV CI

 31 มีนาคม เป็นระลึกถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า หรือ รัชกาลที่ 3 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองไว้มากมายในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง การปกครอง การศึกษา ค้าขาย และศาสนา โดยเฉพาะงานด้านศิลปวัฒนธรรม ทรงให้ความสนใจและฟื้นฟูจนรุ่งเรืองมากที่สุดในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในรัชกาลที่ 3 ALTV จึงขอนำพระราชกรณียกิจด้านสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และวรรณคดีในรัชสมัยของพระองค์ มาให้ทุกคนได้เรียนรู้

🔷ยุคทองของศิลปะจีนในวัดไทย

สมัยรัชกาลที่ 3 มีการค้าขายกับชาวจีนมาโดยตลอด รูปแบบศิลปกรรมในสมัยนั้นจึงได้มีกลิ่นอายของศิลปะจีนแทรกมาด้วย เห็นได้จากสถาปัตยกรรมแบบพระราชนิยมรัชกาลที่ 3 ที่มีการผสมผสานระหว่างศิลปะของไทยและจีน ทรงนำมาทำนุบำรุงวัดวาอารามมากกว่า 30 แห่ง ด้วยการออกแบบที่มีจุดเด่น คือ

  • กรอบหน้าบันพระอุโบสถและวิหารออกแบบให้ “เรียบง่าย”
  • มีการประดับหน้าบันด้วยกระเบื้องเคลือบเป็นลวดลายตามศิลปะของจีน เช่น ดอกไม้ หรือสัตว์ต่าง ๆ เช่น หงส์ มังกร
  • ลดทอนช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ออกทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่ว่าชำรุดเสียหายได้ง่ายและยังเสียเวลาในการสร้าง

ทางเข้าวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร หรือ วัดราชโอรสฯ ที่มีซุ้มประตูแบบจีน

ทรงปฏิสังขรณ์ (ซ่อมแซม) วัดจอมทอง หรือ “ วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร” ให้เป็นวัดประจำพระองค์ โดยนำสถาปัตยกรรมแบบพระราชนิยมมาออกแบบใหม่ทั้งวัด ซึ่งมีลักษณะแปลกไปจากวัดในแบบสามัญทั่วไปอย่างเด่นชัด มีการวางแผนผังแบบฮวงจุ้ยจีนเข้ามาใช้เป็นครั้งแรก 

 

วัดราชโอรสฯ ในเวลานั้นงดงามจนเป็นที่เลื่องลือ แม้แต่ชาวต่างชาติเองก็ชื่นชมในความงามของวัดแห่งนี้ เช่น เซอร์จอห์น ครอว์เฟิร์ด นักการทูตที่เดินทางเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับสยาม ได้เขียนบันทึกยกย่องความงามของวัดนี้ว่า “เป็นวัดที่สร้างขึ้นได้อย่างงดงามที่สุดในบางกอก”

 

วัดสถาปัตยกรรมพระราชนิยม ได้แก่ วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร (วัดราชโอรสฯ), วัดราชนัดดารามวรวิหาร (วัดราชนัดดา), วัดเทพธิดารามวรวิหาร, วัดยานนาวา, วัดนางนองวรวิหาร และวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร (วัดกัลยา) เป็นต้น

ในการสร้างวัดและปฏิสังขรณ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเอาพระราชหฤทัยใส่แก่งานช่าง ทรงเข้าตรวจสอบทุกขั้นตอนของการสร้างงานด้วยพระองค์เองอย่างละเอียด นำเอาการก่อสร้างของจีนมาประยุกต์เข้ากับระบบการก่อสร้างของไทย เนื่องจากทรงเห็นว่าการก่อสร้างจากแบบเก่า ส่วนใหญ่เป็นอาคารเครื่องไม้โดยเฉพาะเครื่องหลังคา เช่น ช่อฟ้า หน้าบัน เกิดความชำรุดทรุดโทรมง่าย ต้องเปลี่ยนบ่อย อีกทั้งช่างฝีมือไทยที่ชำนาญงานยังไม่เพียงพอ จึงเปลี่ยนเป็นการก่อสร้างแบบก่ออิฐถือปูนที่แข็งแรง มั่นคงกว่า โดยระดมช่างฝีมือจากจีนมาช่วยสร้างงาน ด้วยเหตุนี้ รูปแบบอาคารจึงเป็นไปตามความสามารถของช่างจีน 

 

การสร้างวัดของพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ขุนนางและราษฎรทั้งหลาย คนฐานะดีทั้งไทยและจีนต่างพากันสร้างวัดเพื่อเป็นกุศลมากมาย ถือเป็นผลดีกับพระพุทธศาสนา

🔷ยุคทองของงานจิตรกรรมฝาผนัง ผสมผสาน ไทย จีน ฝรั่ง

งานจิตรกรรมมีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังคงเลียนแบบงานวาดภาพสมัยอยุธยา เห็นได้จากภาพวาดในพระอุโบสถ พระวิหารของวัดต่าง ๆ ที่มักเป็นภาพเทพชุมนุม ภาพพุทธประวัติ หรือ ทศชาติชาดก 

 

ในขณะเดียวกัน ช่างฝีมือจีนที่มาร่วมสร้างงานก็มีการวาดลวดลายบนฝานังในแบบจีนมาผสม ตัวอย่าง ประตูพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยในพระราชวังบวรสถานมงคล (พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ) มีลายต้นไม้ ดอกไม้ นก แมลง และกิเลน ซึ่งเป็นสัตว์ในวรรณคดีจีน ภาพจิตรกรรมฝาผนังบางแห่งมีการเขียนแบบสอดเส้นสีทอง ซึ่งดัดแปลงมาจากจิตรกรรมของจีน

ฝีมือของครูคงแป๊ะ จิตรกรรมฝาผนังอุโบสถรูปทหารอาสาต่างชาติ วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ

เทคนิคการใช้ “สีมืดเป็นสีพื้น” คือเอกลักษณ์เฉพาะที่เกิดขึ้นใหม่ในงานจิตรกรรมฝาผนัง มีการใช้คู่สีระหว่าง “สีเขียวกับสีแดง” ให้ดูโดดเด่น รวมถึงการแสดงของส่วนประกอบในฉาก เช่น ต้นไม้ น้ำทะเล ให้ดูความสมจริง ในยุคนี้มีการพัฒนาลวดลายของไทยที่เรียกว่า ลายเทศ มาประยุกต์กับลวดลายจีนและฝรั่งเข้าด้วยกัน มีลักษณะเป็นแถบลายคล้ายริ้วผ้าแบบภาพเขียนจีนที่เรียกว่า ลายฮ่อ ที่นิยมใช้แทนเส้นแบ่งฉากเรียกว่า เส้นสินเทา

 

สมัยรัชกาลที่ 3 เป็นยุคกำเนิดจิตกรเอกอันเลื่องชื่อ ได้แก่ ครูคงแป๊ะและครูทองอยู่ มีผลงานจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามปรากฎที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว), วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง), วัดสุทัศน์เทพวราราม และวัดบางยี่ขัน 

 

นอกจากนี้ยังมีขรัวอินโข่ง ศิลปินไทยคนแรกที่ใช้เทคนิคการเขียนภาพฝาผนังแบบตะวันตก โดยแสดงปริมาตรที่มีมิติใกล้ไกล ผลงานที่สร้างชื่อเสียง คือภาพปริศนาธรรมที่ฝาผนังภายในพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศราชวรวิหารและวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร

🔷ยุคทองของวรรณศิลป์ในแบบร้อยกรอง

สืบเนื่องมาจากรัชกาลที่ 2 ที่ทรงฟื้นฟูวรรคดีต่อจากพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อถึงสมัยพระบามสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงส่งเสริมวรรณคดีของชาติและการศึกษาของประชาชน ทรงร่วมกับนักปราชญ์ราชกวีทั้งหลาย ช่วยกันประพันธ์และรวบรวมวรรณคดี เช่น คติธรรมคำสอน นิทานชาดก ตำรานวดแผนไทย การช่าง และวิชาต่าง ๆ มาจารึกบนแผ่นศิลาตั้งไว้ ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อให้คนทั่วไปได้ศึกษาหาความรู้ ทำให้วัดพระเชตุพนฯ หรือ “วัดโพธิ์” เปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย

อีกทั้ง วรรณกรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนายังเฟื่องฟูมาก เช่น หนังสือแปลภาษามคธเป็นภาษาไทย, เทศน์แปลพระไตรปิฎก, ปัญญาสชาดก, มิลินทปัญหา ซึ่งบางเล่มถูกเก็บรักษาไว้ในหอหลวง นอกจากนี้รัชกาลที่ 3 ยังโปรดให้นำเรื่องราวจากคัมภีร์ชาดกมาแต่งเป็น “กลอนสวด” และ “กลอนวัด” อีกด้วย

 

วรรณคดีในรัชสมัยนี้นิยมแต่ง “ร้อยกรอง” เป็นส่วนใหญ่ มักมีการเลียนแบบคำประพันธ์ของ “สุนทรภู่” เนื่องจากมีความไพเราะ มีสัมผัสใน สัมผัสนอก และความลื่นไหลของภาษา จึงมีการประดิษฐ์คำประพันธ์เกิดเป็น “กลอนกลบท” และ “โคลงกลบท” ที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดีที่สุด

วรรณคดีที่สำคัญในรัชสมัยพระบามสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เช่น

  • ลิลิตตะเลงพ่าย โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ 
  • สมุทรโฆษคำฉันท์ตอนปลาย
  • กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ โดยพระยาราชสุภาวดีและพระภิกษุอินท์
  • โคลงจินดามณี โดยกรมหลวงวงศาธิราชสนิท
  • บทละครเรื่อง พระมะเหลเถไถ โดยคุณสุวรรณ 
  • บทละครเรื่อง ระเด่นลันได โดยพระมหามนตรี (ทรัพย์)
  • บทละครเรื่อง อุณรุทร้อยเรื่อง โดยคุณสุวรรณ
  • กลบทก้านต่อดอก โดย หลวงลิขิตปรีชา (คุ้ม)

 

พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่

  • โคลงปราบดาภิเษก ทรงประพันธ์ก่อนขึ้นครองราชย์ เป็นโคลงเพื่อสดุดี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือรัชกาลที่ 2
  • เสภาขุนช้างขุนแผน ตอนขุนช้างขอนางพิม และ ตอนขุนช้างตามนางวันทอง
  • เพลงยาวกลบทและกลอักษร เป็นกลอนสุภาพ กลอนกลบท และกลอักษรกว่า 19 ชนิด ซึ่งจารึกไว้ที่วัดพระเชตุพนฯ
  • บทละครนอก เรื่องสังข์ศิลป์ชัย โดยนำมาปรับปรุงใหม่สนุกยิ่งขึ้น ในตอนสังข์ศิลป์ชัยตกเหว จนถึงตอนท้าวเสนากุฎเข้าเมือง นิยมนำไปแสดงละครนอกหรือละครชาตรี

 

ความรุ่งเรืองในรัชสมัยของรัชกาล 3 นี้เอง จึงเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างละครอิงประวัติศาสตร์เรื่อง บุษบาลุยไฟ เรื่องราวของสตรีผู้เด็ดเดี่ยว แตกต่างจากสตรีร่วมยุคร่วมสมัยทั่วไปเมื่อเกือบ 200 ปีก่อน ที่มีการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมไทย รวมถึงบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น อย่าง ครูคงแป๊ะ (หลวงเสนีบริรักษ์), ครูทองอยู่ (หลวงวิจิตรเจษฎา) และหมอบรัดเลย์ สามารถติดตามได้เร็ว ๆ นี้ทาง ไทยพีบีเอส

 

ขอบคุณข้อมูล : มูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ, สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา, hommesthailand.com, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ศิลปะสมัยรัชกาลที่3, 
#ยุคทองของรัชกาลที่3, 
#31มีนาคม, 
#วันสำคัญของไทย, 
#วัดราชโอรสารามราชวรวิหารเป็นศิลปะแบบใด 
ผู้เขียนบทความ
avatar
H. ARIGATO
หงส์ฟ้า
ทาสแมวผู้ Enjoy กับชีวิตเรียบง่าย มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ
ALTV CI
Interest Thing
Interest Thing
ALTV All Around
ผู้เขียนบทความ
avatar
H. ARIGATO
หงส์ฟ้า
ทาสแมวผู้ Enjoy กับชีวิตเรียบง่าย มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ศิลปะสมัยรัชกาลที่3, 
#ยุคทองของรัชกาลที่3, 
#31มีนาคม, 
#วันสำคัญของไทย, 
#วัดราชโอรสารามราชวรวิหารเป็นศิลปะแบบใด 
แชร์
ฟัง
ชอบ
ติดตามเรา